ดีท็อกซ์ทุกวัน เป็นสิ่งจำเป็นไหม? เพราะโดยปกติแล้วร่างกายของเราจะมีการขับถ่ายของเสียออกมาในทุก ๆ วัน แต่กับบางคนก็มีระบบขับถ่ายบกพร่อง หรือระบบขับถ่ายไม่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ท้องผูก ท้องอืด จนทำให้รู้สึกอึดอัด ดังนั้นการดีท็อกซ์ทุกวันจึงเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยกระตุ้นระบบขับถ่าย แถมยังเข้าไปช่วงชะล้างลำไส้ได้เป็นอย่างดี

เนื่องจากหากร่างกายของเราไม่สามารถขับถ่ายออกมาได้อย่างปกติ อาจจะหมายความว่าร่างกายของเรามีสารพิษมากเกินไป หรือมีของเสียและสิ่งแปลกปลอมค้างอยู่ในร่างกาย จนทำให้ร่างกายไม่สามารถกำจัดออกมาได้ทั้งหมด ดังนั้นหากใครที่มีปัญหาเหล่านี้ ควรเลือกวิธีล้างลำไส้ด้วยดีท็อกซ์ยี่ห้อไหนดีที่สุดในปีนี้เพื่อช่วยแก้ปัญหาต่าง ๆ ให้หมดไปได้ไม่ยาก

ดีท็อกซ์ทุกวัน จำเป็นหรือไม่ ?

ดีท็อกซ์ทุกวัน จำเป็นหรือไม่ ?

ดีท็อกซ์ทุกวัน จำเป็นหรือไม่? คำถามนี้เชื่อว่าหลาย ๆ คนจะต้องสงสัยกันอย่างแน่นอน เพราะโดยปกติแล้วร่างกายของเราก็มีการขับถ่ายของเสีย หรือสิ่งแปลกปลอมต่าง ๆ ออกมาในทุกวัน แต่การดีท็อกซ์คืออะไรนั้น? มันก็จะเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยล้างลำไส้ให้สะอาดได้มากกว่าเดิม และยังช่วยขจัดสิ่งสกปรก ของเสีย รวมทั้งสารพิษต่าง ๆ ที่ตกค้างอยู่ในร่างกายได้เป็นอย่างดี เพราะการขับถ่ายแบบปกติ อาจจะทำให้ของเสียถูกกำจัดออกไปไม่หมด และอาจจะส่งผลต่อร่างกายในระยะยาวได้

หรือหากใครที่ท้องผูกมันก็อาจจะไม่ได้จบที่ท้องผูกอย่างเดียวเท่านั้น เพราะในบางครั้งอาจจะเกิดผลเสียต่อร่างกายได้มากกว่านั้น อย่างเช่น เกิดโรคเกี่ยวกับลำไส้ ทั้งโรคที่ร้ายแรงและไม่ร้ายแรง ปัญหาเรื่องกลิ่นปาก กลิ่นตัว รวมทั้งปัญหาในเรื่องผิวพรรณด้วยเช่นกัน ดังนั้นการดีท็อกซ์ลำได้ จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีที่สุด เพื่อช่วยให้เราชำระล้างของเสียออกจากลำไส้ให้ได้มากที่สุด และยังส่งผลดีต่อสุขภาพร่างกายได้เช่นเดียวกัน

ทั้งนี้เชื่อได้เลยว่าหลาย ๆ คนจะต้องสงสัยกันอย่างแน่นอนว่า การดีท็อกซ์ลำไส้มีความจำเป็นจริงหรือไม่ เพราะในความเป็นจริงร่างกายของเราจะสามารถขับถ่ายออกมาได้ก็จริง แต่สารต่าง ๆ หรือสิ่งแปลกปลอมบางอย่างที่ส่งผลเสียต่อร่างกาย ร่างกายอาจจะไม่สามารถขับถ่ายออกมาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้สารพิษหรือสิ่งแปลกปลอมเหล่านั้นสะสมอยู่ในร่างกาย อย่างเช่น สารอนุมูลอิสระ เป็นต้น ทำให้การดีท็อกซ์ลำไส้ช่วยนำสารพิษเหล่านี้ออกมาได้ทั้งหมด

โดยทุกคนรู้หรือไม่ว่า โดยปกติแล้วของเสียที่อยู่ในร่างกายของเรา สามารถเกาะที่ผนังลำไส้ได้เช่นเดียวกัน และหากเราดีท็อกซ์ของเสียออกมา จะช่วยให้การทำงานในร่างกายเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังช่วยให้เรามีภูมิคุ้มกันดีที่ ช่วยลดน้ำหนัก และที่สำคัญจะช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งลำไส้ได้เลยทีเดียว เพราะฉะนั้นการดีท็อกซ์ลำไส้จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่เพิ่มประโยชน์ในการทำงานของระบบต่าง ๆ ภายในร่างกายได้ดีที่สุด

ประโยชน์ของการ ดีท็อกซ์ทุกวัน ที่ทุกคนไม่ควรมองข้าม

ประโยชน์ของการ ดีท็อกซ์ทุกวัน ที่ทุกคนไม่ควรมองข้าม

การดีท็อกซ์ทุกวันต้องยอมรับเลยว่าถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับคนท้องผูกที่ดีที่สุด เพราะนอกจากการดีท็อกซ์จะช่วยเข้าไปกระตุ้นระบบขับถ่ายต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดีแล้ว ยังเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยเพิ่มสุขภาพดีให้แก่เราได้ตามธรรมชาติ เนื่องจากการดีท็อกซ์จะเข้าไปทำความสะอาดลำไส้และแบคทีเรียที่เป็นโทษต่อร่างกาย ลดการสะสมของสารพิษต่าง ๆ ได้ดีที่สุด

และหากสารพิษในลำไส้ถูกชำระล้างออกไปทั้งหมดแล้ว ลำไส้ของเราจะกลับมาทำงานได้อย่างปกติ และมีประสิทธิภาพได้มากกว่าเดิม ร่างกายจะช่วยเพิ่มความสดชื่น อีกทั้งยังเป็นการดีท็อกซ์ลดน้ำหนักได้อีกด้วย เพราะหากเราไม่เคยดีท็อกซ์ลำไส้เลย จะทำให้ลำไส้ของเรามีของเสียตกค้างอยู่ อาจจะส่งผลให้ลำไส้อ่อนแอลงได้ เพราะฉะนั้นการดีท็อกซ์จะช่วยให้กล้ามเนื้อลำไส้ทำงานได้ดีขึ้นกว่า มีประสิทธิภาพในการกำจัดของเสียได้มากขึ้น ส่งผลให้ไม่มีสารพิษตกค้างอยู่ในลำไส้นั่นเอง

และนอกจากนี้ทุกคนรู้หรือไม่ว่า การดีท็อกซ์ลำไส้จะเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยให้ลำไส้ของเรากลับมามีขนาดที่ปกติ เพราะหากลำไส้มีของเสียเข้าไปสะสมในปริมาณมาก จะทำให้ลำไส้มีรูปร่างที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม อย่างเช่น มีอาการบวมหรือโป่ง เป็นต้น แต่เมื่อเราได้ดีท็อกซ์ลำไส้ และนำของเสียที่สะสมอยู่ในลำไส้ออกไปได้ทั้งหมด จะทำให้รูปร่างของลำไส้กลับมาเป็นไปตามธรรมชาติ ส่งผลให้ระบบการทำงานของลำไส้ และระบบการทำงานต่าง ๆ ในร่างกายดีขึ้นตามไปด้วยนั่นเอง

แต่ด้วยความที่โดยปกติแล้วร่างกายของเรามีการขับของเสียออกมาอยู่ในทุก ๆ วัน ทำให้การดีท็อกซ์ลำไส้ไม่จำเป็นต้องทำทุกวัน เพียงแต่เราควรเลือกรับประทานอาหารที่มีกากใยสูง และรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เพื่อเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยกระตุ้นระบบขับถ่ายได้ดีที่สุด

 อันตรายจากการดีท็อกซ์ลำไส้ ที่ทุกคนไม่ควรมองข้าม

 อันตรายจากการดีท็อกซ์ลำไส้ ที่ทุกคนไม่ควรมองข้าม

อย่างที่ทุกคนรู้กันดีอยู่แล้วว่า ร่างกายของเรามีการดีท็อกซ์ลำไส้ตามธรรมชาติอยู่แล้ว ถ้าหากร่างกายของเรามีความแข็งแรง หรือเป็นคนที่สุขภาพดี มีระบบขับถ่ายแบบปกติ จะไม่จำเป็นต้องดีท็อกซ์ลำไส้ แต่หากใครที่มีอาการท้องผูก เชื่อได้เลยว่าจะต้องมีข้อสงสัยที่ว่า ควรดีท็อกบ่อยแค่ไหน หรือควรดีท็อกซ์ลำไส้ด้วยวิธีไหนดีที่สุด เพราะในปัจจุบันการดีท็อกซ์ลำไส้จะมีอยู่หลากหลายวิธีด้วยกัน แต่ทั้งนี้การดีท็อกซ์ลำไส้บ่อย ๆ ก็ไม่ก่อให้เกิดผลดีเสมอไป เพราะถ้าหากเราดีท็อกซ์ลำไส้บ่อยเกินไป หรือดีท็อกซ์ลำไส้อย่างไม่ถูกวิธี ก็จะทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำและแร่ธาตุได้อีกด้วย

รวมทั้งเกิดความเสี่ยงต่อการได้รับพลังงานและสารอาหารที่ไม่เพียงพอต่อร่างกาย ทำให้เราเกิดอาการหน้ามืด อ่อนเพลีย และหมดแรงหรือเป็นลมได้เลยทีเดียว ทั้งนี้หากร่างกายของใครที่ไม่แข็งแรง และทำการดีท็อกซ์บ่อย ๆ อาจจะทำให้ระบบขับถ่ายแปรปรวน และไม่สามารถทำงานได้เองตามธรรมชาติอีกด้วย จะต้องพึ่งแต่การดีท็อกซ์ลำไส้อย่างเดียวเท่านั้น เพราะฉะนั้นทุกคนจึงจำเป็นต้องระมัดระวังการดีท็อกซ์ให้ดี และเลือกการดีท็อกซ์ลำไส้อย่างถูกวิธี โดยเฉพาะผู้ตั้งครรภ์ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนว่าคนท้องกินดีท็อกซ์ได้ไหม อย่าคิดว่าการดีท็อกซ์ลำไส้คือการลดน้ำหนัก เพราะจะก่อให้เกิดผลเสียต่อร่างกายของเราได้มากที่สุด

ประเภทของการดีท็อกซ์ลำไส้ ทำได้ทุกคน

ประเภทของการดีท็อกซ์ลำไส้ ทำได้ทุกคน

ทุกคนรู้หรือไม่ว่า จริง ๆ แล้วการดีท็อกซ์ลำไส้จะสามารถทำได้หลากหลายวิธีด้วยกัน แต่เบื้องต้นเราควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของตนเองเสียก่อน อย่างเช่น พฤติกรรมการรับประทานอาหาร พฤติกรรมการออกกำลังกาย พฤติกรรมการดื่มน้ำ เป็นต้น เพราะพฤติกรรมต่าง ๆ เหล่านี้ ล้วนส่งผลต่อระบบขับถ่ายทั้งสิ้น

แต่หากเราปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการใช้ชีวิตแล้ว ยังเกิดอาการท้องผูก หรือเกิดความอึดอัดที่ท้องไส้ การดีท็อกซ์ลำไส้จะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด แต่การดีท็อกซ์นั้นจะทำให้หลายวิธี แต่ละวิธีจะมีลักษณะและมีผลลัพธ์ที่แตกต่างกันออกไป เพราะฉะนั้นไปดูกันเลยว่าดีท็อกซ์ คืออะไร การดีท็อกซ์ลำไส้ให้เห็นผลได้อย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพมากที่สุด จะมีวิธีการดีท็อกซ์อย่างไรบ้าง

  • ดีท็อกซ์ลำไส้ด้วยการรับประทานอาหาร: สำหรับการดีท็อกซ์ลำไส้ด้วยการรับประทานอาหารนั้น จะถือเป็นวิธีดีท็อกซ์ที่ง่ายที่สุดเลยก็ว่าได้ เพราะปกติแล้วเรารับประทานอาหารแบบไม่สนใจที่มาที่ไปของวัตถุดิบเท่าไหร่นัก ยิ่งใครซื้ออาหารจากร้านค้า หรืออาหารสำเร็จรูปยิ่งแล้วใหญ่ ดังนั้นการดีท็อกซ์ลำไส้ด้วยการรับประทานอาหารที่ดีที่สุด คือ การเลือกรับประทานอาหารที่สดใหม่ เลือกวัตถุดิบที่ดีไม่มีสารเคมีหรือสารพิษตกค้าง หากใครที่เคยซื้ออาหารสำเร็จรูปมารับประทาน ให้เปลี่ยนเป็นการทำอาหารเพื่อรับประทานเอง รวมทั้งเลือกรับประทานอาหารที่ไม่ผ่านกรรมวิธีขัดสี หรือหนักดอง เนื่องจากการเลือกรับประทานอาหารประเภทเหล่านี้ จะเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยกระตุ้นการเผาผลาญในร่างกายได้เป็นอย่างดี ช่วยให้ระบบขับถ่ายสามารถเร่งนำสารตกค้างที่ไม่ดีออกมาให้หมดสิ้น และยังช่วยให้ร่างกายได้รับสารอาหารดี ๆ เข้าไปทดแทนอีกด้วย
  • ดีท็อกซ์ด้วยการสวนลำไส้: สำหรับวิธีการดีท็อกซ์ด้วยการสวนลำไส้ในสมัยก่อน อาจจะยังไม่ได้รับความนิยมเท่าไหร่นัก เพราะหลาย ๆ คนยังไม่รู้ข้อดีของการดีท็อกซ์ด้วยวิธีนี้ จนทำให้เกิดความกลัวต่าง ๆ นานา แต่ในปัจจุบันเมื่อทุกคนรู้ว่าการดีท็อกซ์ลำไส้มาพร้อมกับข้อดีในด้านใดบ้าง ก็หันมาดีท็อกซ์ลำไส้ด้วยการสวนลำไส้มากยิ่งขึ้น โดยจุดเด่นของการดีท็อกซ์ลำไส้ด้วยวิธีนี้นั้น จะช่วยให้นำของเสียที่ตกค้างอยู่ในลำไส้ หรือผนังลำไส้ออกมาได้มากที่สุด และรวดเร็วมากที่สุด ส่งผลให้ลำไส้ของเราสะอาดได้ดังเดิม และนอกจากนี้การดีท็อกซ์ด้วยการสวนลำไส้นั้น ยังเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยกระตุ้นระบบขับถ่ายของเราได้ดีขึ้นกว่าเดิม ช่วยป้องกันอาการท้องผูกได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ทั้งนี้การดีท็อกซ์ลำไส้ด้วยการสวน จะต้องกระทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอย่างเดียวเท่านั้น เพราะหากกระทำด้วยตนเองอาจจะเกิดการติดเชื้อ และมีความอันตรายถึงชีวิตได้เลยทีเดียว
  • ดีท็อกซ์ด้วยการอดอาหาร: ทุกคนรู้หรือไม่ว่า การอดอาหารจะถือเป็นการดีท็อกลำไส้ ธรรมชาติอีกหนึ่งวิธี ที่ทุกคนสามารถทำตามได้อย่างง่ายดาย แต่ก็ไม่ควรทำบ่อย เพราะวิธีนี้จะเป็นการอดอาหาร เพื่อพักระบบการย่อยอาหารของร่างกาย อีกทั้งยังช่วยลดการสะสมของเสียในลำไส้ได้อีกด้วย ซึ่งการอดอาหารจะต้องใช้เวลาประมาณ 1-2 วันด้วยกัน ขึ้นอยู่กับเราว่าต้องการอดอาหารเป็นเวลาเท่าไหร่ แต่จะรับประทานได้เฉพาะน้ำผลไม้หรือน้ำเปล่าเท่านั้น เพราะการดื่มน้ำเปล่าหรือน้ำผลไม้เข้าสู่ร่างกาย จะเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยกระตุ้นการขับถ่ายของเราได้มากที่สุด เพื่อช่วยให้ระบบการขับถ่ายสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ให้ร่างกายได้ขับของเสียที่สะสมอยู่ในร่างกายออกมา โดยที่ไม่มีของเสียใหม่เข้าไปทดแทน ดังนั้นวิธีการล้างลำไส้ในรูปแบบนี้ จะเป็นอีกหนึ่งวิธีการดีท็อกซ์ที่จะช่วยล้างลำไส้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และไม่มีของเสีย หรือสารอันตรายเข้ามาตกค้างอยู่ในลำไส้และผนังลำไส้อย่างแน่นอน

ความเป็นจริงเมื่อเราได้ยินคำว่าดีท็อกซ์ลำไส้ ก็ต่างกลัวกันไปแล้ว เพราะไม่รู้ว่ามีวิธีการดีท็อกซ์อย่างไร และจะเจ็บหรือไม่ ซึ่งในส่วนนี้จะต้องบอกเลยว่า การดีท็อกซ์ลำไส้จะมีอยู่หลากหลายวิธีด้วยกัน หากใครที่มีปัญหาเรื่องท้องอืด ท้องผูก สามารถดีท็อกซ์ลำไส้ด้วยวิธีง่าย ๆ อย่างเช่น ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหารก่อนได้เช่นกัน แต่หากไม่ดีขึ้นสามารถปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้ เพื่อเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยชำระล้างลำไส้ให้กลับมาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพดังเดิม

อ้างอิง:

Top 10 Reasons To Detox. https://nourished.com/top-10-reasons-to-detox/

Author

สวัสดีค่ะ ชื่อเล่น แพน นะคะ จบการศึกษาจาก Fashion, Textiles and Technology Institute (FTTI), University of the Arts London ค่ะ เป็นคนชอบติดตามวงการแฟชั่นและเทรนด์การแต่งหน้าใหม่ ๆ อยู่เสมอ นอกจากนี้เป็นยังชอบท่องเที่ยว ชอบไปมิวเซียม และออกกำลังกายโดยเฉพาะเล่นโยคะและพีราทิส ในเวลาว่างชอบผ่อนคลายด้วยการอ่านหนังสือดีๆ สักเล่ม จิบกาแฟอุ่น ๆ ในคาเฟ่

Write A Comment